26 สิงหาคม, 2553

การขอจดทะเบียนสมรส หลักเกณฑ์/คุณสมบัติ

1. จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ และต้องนำบิดา

มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย

2. กรณีที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจาก

ศาลให้ทำการสมรสได้

3. ส่วนผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถดำเนินการ

ได้ด้วยตนเอง

4. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ

5. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา

6. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น

7. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้

8. หญิงหม้ายจะสมรสใหม่ เมื่อการสมรสครั้งก่อนได้

สิ้นสุดไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่

- - คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น

- - สมรสกับคู่สมรสเดิม

- - มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์

- - ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้

9. ชายหญิง ที่มีอายุไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจ

อนุญาตให้สมรสได้

บริการออนไลน์

ตรวจสอบทะเบียนสมรสตัวเอง

เอกสารที่ใช้

1. บัตรประจำตัวประชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้

2. สำเนาหนังสือเดินทางกรณีชาวต่างประเทศ

3. หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือสถานกงสุล

หรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้น มอบหมาย พร้อมแปล

(กรณีชาวต่างประเทศขอจดทะเบียนสมรส

4.สำเนาทะเบียนบ้าน

ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. การจดทะเบียนสมรส สามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้

ทุกแห่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส

2. คู่สมรสยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อเจ้าหน้าที่หรือ

นายทะเบียนณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักทะเบียน

เขตใดก็ได้โดยไม่คำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส

3. คู่สมรสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องนำบิดาและมารดาหรือ

ผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาให้ความยินยอม

4. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย เป็นคนต่างด้าว ต้องขอหนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือกงสุลสัญชาติที่ตนสังกัด หนังสือรับรองนั้น ต้องแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรองการแปลถูกต้อง ยื่นพร้อมคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขต

สถานที่ติดต่อและค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียม / ค่าปรับ :

1. การจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนที่จด

ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม

2. การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียน ต้องเสียค่า

ธรรมเนียม 200 บาท พร้อมจัดยานพาหนะ รับ - ส่ง

นายทะเบียน

3. การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียนในท้องที่ห่างไกล

เสียค่าธรรมเนียม 1 บาท

สถานที่ติดต่อ / ยื่นเอกสาร :

1. ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขต

2. ศูนย์สอบถามข้อมูลทางการทะเบียน โทร. 1548

แบบฟอร์ม

แบบฟอร์มคำร้องขอจดทะเบียนสมรส

10 Idea ป้ายตั้งโต๊ะ ที่ทำเองง่ายๆ "ป้ายตั้งโต๊ะ" อีกหนึ่ง Idea ที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับคู่บ่าว-สาวที่อยากให้งานแต่งงานที่ครบถ้วนตาม Theme อย่าง สมบูรณ์แบบค่ะ เรามีไอเดียป้ายตั้งโต๊ะที่ทั้งเก๋ ทั้งทันสมัย และมีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร อีกทั้งยังสามารถทำเองได้ด้วย มานำเสนอเพื่อเป็นไอเดียสำหรับคู่บ่าว-สาว ค่ะ

สำหรับคู่รักนักเดินทาง ที่กำหนด Travel Theme เป็นธีมในการจัดงาน อาจจัดทำป้ายตั้งโต๊ะด้วย Postcard จากหลากหลายสถานที่ ที่ทั้งคู่มีโอกาสได้เดินทางไปด้วยกัน โดยบันทึกเกี่ยวกับความทรงจำหรือความประทับใจเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ลงไปใน postcard ด้วย เพียงเท่านี้ก็ทำให้งานเลี้ยงของคุณสนุกสนาน น่าติดตามมิใช่น้อยค่ะ การ์ด นี้สำหรับคู่รักที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ และอยากให้ลูกๆ มีส่วนร่วมในงานวันสำคัญของคุณ ด้วยการถ่ายรูปลูกรักในอิริยาบทต่างๆ เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของป้ายตั้ง โต๊ะ ก็เป็นไอเดียีที่น่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ ไอเดียเก๋กู๊ดนี้ เหมาะกับคู่รักที่หลงรักกลิ่นอายในยุค 60's โดยเลือกดารา นักร้อง ทั้งไทยและเทศ ที่ดังในยุคนั้นมาเป็นป้ายตั้งโต๊ะ พร้อมกำหนด Theme ให้ย้อนยุคด้วย เพียงเท่านี้งานของคุณก็เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแล้วล่ะค่ะ เลือกรูปในช่วงวัยต่างๆ ของคู่บ่าว-สาว มาจัดวางกับ graphic เก๋ๆ เป็นป้ายตั้งโต๊ะ รูปเจ้าสาวสำหรับแขกฝั่งเจ้าสาว รูปเจ้าบ่าวสำหรับแขกฝั่งเจ้าบ่าว ไม่เพียงจะได้ป้ายตั้งโต๊ะที่เก๋ไม่ซ้ำ ใคร ยังสามารถเพิ่มไปเดีย ด้วยการใช้บอกเล่าความเป็นมาของคู่บ่าว-สาว หรือข้อคิด คำคมหวานๆ ใส่เพิ่มเติมเข้าไปได้อีกด้วยค่ะ และจะยิ่งคลาสสิคมากขึ้นถ้ารูปที่เลือกมาใช้ทั้งหมดเป็นรูปขาว-ดำ ออก แบบป้ายตั้งโต๊ะโดยใช้ภาพถ่ายที่เป็นความทรงจำดีๆ ของคุณร่วมกัน เช่น ภาพถ่ายของสถานที่ ที่คุณได้พบกันครั้งแรก หรือภาพถ่ายคู่ ที่คุณถ่ายด้วยกันครั้งแรก เป็นต้น มาออกแบบให้เก๋ด้วย font และโทนสีที่ใช้ ให้ป้ายตั้งโต๊ะร่วมบอกเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความทรง จำดีๆ ของคุณร่วมกัน ขอ แนะนำป้ายตั้งโต๊ะ โดยใช้ภาพถ่ายของสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศหรือของเมือง นั้นๆ นอกจากไอเดียดีแล้ว ยังเป็นการแนะนำประเทศหรือเมืองนั้นๆ ให้แขกรู้จักด้วยนะคะ หน้ากากป้ายตั้งโต๊ะ เหมาะกับงานเลี้ยงแบบแฟนซี จะทำเองก็ได้ หรือหาซื้อหน้ากากสำเร็จรูปมาตกแต่งให้เข้ากับ Theme งานของคุณเองก็ได้เช่นกันค่ะ เหมาะ สำหรับคู่รักที่เป็นครูอาจารย์ หรือเปิดร้านอาหารที่ป้ายเมนูร้านทำด้วยกระดานดำ ก็ปรับขนาดกระดานให้เล็ก ลง แล้วใช้ชอล์คเขียนชื่อโต๊ะ เสร็จงานแล้วยังเก็บไว้ใช้ได้อีกนะคะ หาก คุณจัดงานหมั้นและงานแต่งงานคนละวันกัน แต่แขกบางส่วนที่มางานเลี้ยงแต่งงาน อาจไม่ได้มางานหมั้น ถ้าคุณต้องการให้แขกได้มีส่วนร่วมในวันสำคัญของคุณ ก็อาจนำภาพจากงานหมั้น มาทำเป็นป้ายตั้งโต๊ะ เพื่อให้แขกได้ซึมซับบรรยากาศงานหมั้นของคุณด้วย เลือกรูปสวยๆ วางบนกระดาษสีพื้นแล้วเข้ามุมสีทอง แค่นี้ก็หรูสุดบรรยายแล้วค่ะ จัดทำป้ายตั้งโต๊ะ โดยใช้กระดาษและลวดลายเดียวกับการ์ดแต่งงาน เพื่อให้ทั้งงานไปใน theme เดียวกัน ดูเรียบง่าย แต่ก็เก๋ไม่น้อยค่ะ ขอขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลจาก Wedding in Thailand

22 สิงหาคม, 2553

การวางแผนคุมกำเนิด

การคุมกำเนิดเป็นการช่วยให้พ่อแม่ได้เตรียมความพร้อมกับระยะเวลาที่จะมีลูกให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและองค์ประกอบต่างๆ ภายในครอบครัวและสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นการช่วยเด็กที่จะเกิดมานั้นได้รับความรักความเอาใจใส่ และเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด และเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

การคุมกำเนิด แบ่งได้ 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ

1. การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว

สำหรับฝ่ายหญิง

- ยาเม็ดคุมกำเนิด (เป็นการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่จะทำให้เป็นอันตรายแก่ผู้หญิงเหมือนกันถ้ากินอย่างต่อเนื่อง)

- ถุงยางอนามัยสตรี(ได้รับความนิยมน้อยที่สุด)

- ห่วงอนามัย (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 3 - 8 ปี แล้วแต่ชนิดของห่วงอนามัย)

- ยาฉีดคุมกำเนิด (ฉีด 1 ครั้งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้นานถึง 3 เดือน)

- ยาเหน็บช่องคลอด

- แผ่นคุมกำเนิด

- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดกินหลังการมีเพศสัมพันธ์ (จะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์)

- แคปซูลฝังคุมกำเนิด (ใช้โดยการสอดเข้าใต้ท้องแขนของผู้หญิงเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้)

- ยาฆ่าอสุจิ (ใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับการคุมกำเนิดหากใช้เพียงอย่างเดียว)

- ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (จะต้องใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ยานี้ยังสามารถใช้กับหญิงให้นมบุตรได้)

- ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่าง เดียว (ควรใช้ยาตัวนี้ในเวลาเดียวกันของทุกวัน หากลืมใช้ยาจนเลยเวลาไปแล้วเกินกว่า 27 ชั่วโมง จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดเพิ่มเติมสำหรับช่วง 14 วันถัดไป ให้ใช้ยาตามปกติ)

วิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือไม่ได้

- ช่วงปลอดภัย

ตามทฤษฎี เราสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ หากไม่มีการร่วมเพศในช่วงที่ผู้หญิงกำลังตกไข่ แต่เป็นวิธีการที่เชื่อถือไม่ค่อยได้เนื่องจากระยะเวลาและรอบเดือนของช่วง การตกไข่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป

- วิธีการหลั่งภายนอก

หากการร่วมเพศถูกขัดขวางก่อนการหลั่งเชื้ออสุจิ อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เชื้ออสุจิบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดก่อนการหลั่งเกิดขึ้น ทำให้เชื้ออสุจิที่ผิวหนังรอบๆ ปากมดลูกเคลื่อนตัวเข้าไปในปากมดลูกได้

สำหรับฝ่ายชาย

- การใช้ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย เช่น โรคเอดส์

2. การคุมกำเนิดแบบถาวร

- การทำหมันหญิง ใช้การผูกหรือการตัดปีกมดลูก ไม่ให้ตัวอสุจิสามารถเดินทางผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้

- การทำหมันชาย ใช้วิธีตัดและผูกท่อนำน้ำเชื้ออสุจิทั้งสองข้างไว้

การทำหมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคุมกำเนิด ซึ่งจะไม่สามารถมีบุตรได้ หากทำหมันแล้ว และการแก้ไขในภายหลังก็จะทำได้ยากเช่นกัน ดังนั้นจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนจึงค่อยตัดสินใจทำหมัน

ขอขอบคุณข้อมูล จาก

http://weddingmakmy.com

06 พฤษภาคม, 2552

เลือกแหวนอย่างไร ให้เข้ากับนิ้วมือ

เครื่องประดับ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ เพราะเครื่องประดับ นั้นจะทำให้เราดูดี ดูมีรสนิยมมากกว่าที่จะแต่งตัวแบบธรรมดาเรียบๆ ไม่มี เครื่องประดับ อะไรเลย โดยเฉพาะ "แหวน" ที่เป็นเครืองประดับพื้นฐานและยังมีความหมายมากสำหรับการเริ่มต้น ชีวิตคู่ แต่ คุณสาวๆ บางคนแอบกังวลใจเล็กน้อยในการเลือกซื้อแหวนให้เข้ากับนิ้วมือตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแหวนแบบไหนดี สไตล์ไหนดี เข้ามาสวมใส่นิ้วมือของคุณแล้วจะทำให้นิ้วมือของคุณแลดูสวยงาม จนทำให้คนรอบข้างอยากสัมผัส อย่ากังวลใจไปเลยค่ะ เรามีวิธีง่ายๆ มาแนะนำให้คุณๆ ทราบกัน แต่ก่อนอื่นเราต้องดูลักษณะนิ้วมือของเราก่อนว่าเป็นแบบไหนกันค่ะ

> นิ้วอวบ-มืออวบ

คนที่มีนิ้วมือที่อวบควรจะเลือกใส่แหวนที่ตรงหัวแหวนมีลักษณะรูปทรงไปในทางยาว รูปทรงหยดน้ำ รูปทรงไข่ (ทรงมาตรฐานของโลก) หรือรูปทรงสี่เหลี่ยมยาวก็ได้ค่ะ เพราะรูปทรงยาว ตัวหัวแหวนนี้จะช่วยให้นิ้วคุณดูไม่ทึบไม่สั้น ดูโปร่งแล้วเรียวยาวมากขึ้นด้วย หรือจะเลือกทรงที่มีตัวเรือนเตี้ยๆ เรียบๆ แต่มีสีสันสดใสหรืออ่อนหวานก็ได้ค่ะ ส่วนบ่าแหวนก็ไม่ควรเลือกที่มีลักษณะใหญ่ทึบ ควรจะเลือกบ่าแหวนที่ดูบางๆ จะดีกว่าค่ะ อ้อ! และที่สำคัญ คุณอย่าใส่แหวนที่คับเกินไปนะคะ เพราะนั่นหมายถึงส่วนเกินตรงนิ้วของคุณจะโผล่ออกมาเห็นได้ชัดมากขึ้นค่ะ

> นิ้วสั้น-มือสั้น คนที่มีนิ้วลักษณะนี้ ถ้าเลือกรูปทรงหัวแหวนไม่ดีก็จะทำให้นิ้วยิ่งดูสั้นลงไปอีก รูปทรงหัวแหวนที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดสำหรับคนนิ้วสั้น ก็คือ รูปทรงสี่เหลี่ยม และลองหันมาใส่ทรงหัวใจที่มีขนาดใหญ่นิดหนึ่ง หรือรูปทรงไม่ยาวมากนักก็กิ๊บเก๋น่ารักดูเป็นสาวหวานด้วย ส่วนบ่าแหวนสำหรับคนนิ้วสั้น ไม่ควรบางหรือหนาเกินไป เลือกที่พอดีๆ จะดีกว่าค่ะ

> นิ้วยาว-มือยาว ส่วนใหญ่คนที่มีนิ้วลักษณะนี้ก็จะเป็นคนที่มีรูปร่างสมส่วน ผอมสูง แต่อย่าเพิ่งอิจฉาคนที่มีนิ้วลักษณะนี้นะคะ เพราะคนที่มีนิ้วยาวนี้ไม่ได้สวมแหวนแล้วสวยอย่างที่คิด ลองสังเกตดูตรงโคนนิ้วดูจะเห็นว่ามีเนื้อที่โคนนิ้วค่อนข้างน้อย แต่ตรงข้อนิ้วกลับใหญ่ ดูๆ แล้วเหมือนทรงนาฬิกาทราย ทำให้ใส่แหวนยากกว่านิ้วลักษณะอื่น เพราะเมื่อใส่เข้าไปแหวนจะติดตรงข้อนิ้วก่อนจะถึงโคนนิ้ว แล้วจะทำให้หลวมตรงโคนนิ้ว แหวนก็จะหมุนไปหมุนมาค่ะ ส่วนรูปทรงที่เหมาะกับนิ้วยาวนี้ก็ควรเลือกทรงที่มีลักษณะเป็นเส้นคดโค้งเพิ่มความอ่อนหวาน หรือแบบกว้างและยาวไปจนเต็มข้อนิ้ว เพราะจะทำให้นิ้วคุณดูมีเนื้อเต็มขึ้น มีน้ำมีนวล และยังช่วยลดความยาวผอมของนิ้วลงด้วยค่ะ

> นิ้วเรียวงาม-มือเรียว โอ้ว ! เพอร์เฟ็กต์ค่ะ ถือว่าได้เปรียบกว่านิ้วลักษณะอื่นๆ เลย เพราะไม่ว่าแหวนทรงเรียวยาวตามนิ้ว ทรงแบบขวางนิ้ว ทรงไข่ ทรงสี่เหลี่ยม หรือทรงกลม ก็ดูจะเข้ากับนิ้วลักษณะนี้เสียนี่กระไร แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่นิดหนึ่ง คือไม่ควรเลือกแหวนที่มีลักษณะใหญ่มากคล้ายผู้ชาย เพราะจะให้ความรู้สึกแข็งเกินไป จะทำให้บดบังนิ้วที่เรียวงามดูสวยอยู่แล้ว

TIPS 1.การเพิ่มความชุ่มชื้นที่นิ้วมือ ก็มีส่วนช่วยให้เวลาสวมใส่แหวนแล้วดูสวยเนียนและน่าทะนุถนอมขึ้นค่ะ 2.ควรตกแต่งดูแลเล็บอยู่สม่ำเสมอไม่ให้เล็บฉีก หัก หน้าเล็บเป็นหลุมหรือเป็นขุย แม้แหวนที่เราสวมใส่จะสวยและเข้ากับนิ้วเพียงใดก็ช่วยอะไรไม่ได้นะคะ 3.การเก็บรักษาแหวน ถ้าเราคอยนำมาเช็ดหรือเก็บไว้ในที่มิดชิดห่างไกลจากฝุ่นละอองต่างๆ ก็จะช่วยให้แหวนของเราอยู่คู่นิ้วเราไปนานๆ ได้ค่ะ

ขอขอบคุณ นิตยสาร Hairworld

10 มีนาคม, 2552

สคริปต์พิธีการ

เริ่มจาก จำนวนของพิธีกร แนะนำว่าควรจะมีพิธีกร 1 คน เท่านั้น ชายหรือหญิงก็ได้ ผมไม่ค่อยเห็นพิธีกร 2 คน งานแต่งงานไม่ใช่เกมโชว์ พิธีกรมีหน้าที่ลำดับพิธีการและขั้นตอนเท่านั้น ซึ่งพิธีการในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานนั้นไม่มีมาก อย่างมากก็พูด 5- 6 ประโยค ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ 2 ถ้าใช้ 2 คน บางทีพิธีกรจะพูดเยอะเกินทำให้ภาพดูไม่ดี

และอย่าลืมว่าโดยธรรมชาติแล้ว ถึงแม้พิธีกรจะตื่นเต้นแต่ก็มีสคริปต์ คนที่แย่กว่าบนเวทีตอนนั้นคือเจ้าบ่าวและเจ้าสาวครับ ตื่นเต้นนั้นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนหลังดี บางคู่ก็นิ่งอยู่นานกว่าจะพูดออก เพราะนั้นอย่าให้พิธีกรมาแย่งซีนไปจากเราด้วยการพูดมากกว่าหรือข่มเราด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้าพิธีกรมีหนึ่ง เรามีสอง ยังไงก็ดูเด่นกว่า แม้จะพูดติดขัดอยู้บ้างก็ไม่เป็นไร อีกอย่างที่ควรจะทำคือ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นเมื่อขึ้นเวทีแล้วให้ยืนคู่กันอยู่บนเวที ส่วนพิธีกรให้ยืนอยู่ด้านข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ต้องเดินเข้ามาอยู่กับบ่าวสาว เพื่อให้ความสำคัญกับบ่าวสาวจริงๆ ถ้าจะเดินเข้าใกล้บ่าวสาวบ้าง ก็ทำได้หลังจากที่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขกเรียบร้อยแล้ว และอาจมีการพูดคุยสัมภาษณ์กันเล็กน้อยก่อนตัดเค้ก ทีนี้มาว่ากันถึงลำดับขั้นตอน ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ในงานแต่งงานจะมีการฉายพรีเซ็นเทชั่นกันเกือบทุกงาน แนะนำให้ใช้ไฟในการเริ่มฉาย คือ หรี่ไฟลงจนกระทั้วไฟมืดสนิท ทิ้งไว้สัก 5 วินาที จากนั้นจึงเริ่มฉายพรีเซ็นเทชั่น ไม่แนะนำให้พิธีกรขึ้นไปพูดกล่าวต้อนรับและเชิญชวนแขกชมพรีเซ็นเทชั่น มี 2 เหตุคือ หนึ่ง ไม่ว่าจะในงานเลี้ยงแบบไหนก็แล้วแต่ (ค็อกเทลหรือโต๊ะจีน) ตอนที่พิธีกรขึ้นไปกล่าวต้อนรับนั้น แขกมักไม่รู้ตัวและไม่สนใจมองไปที่เวที บางทีพิธีกรกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” อยู่สัก 3 – 4 แขกยังไม่รู้ตัวเลยด้วยเสียงของแขกในงานดังกว่า

ข้อสอง คิดว่าให้คู่บ่าวสาวขึ้นเวทีก่อนคนอื่นๆ ดีกว่า อย่าให้ใครขึ้นไปก่อน และเมื่อมีการฉายพรีเซ็นเทชั่นในงานระหว่างที่บ่าวสาวค่อยๆ เดินมาอยู่ใกล้เวทีหน่อย เมื่อพรีเซ็นเทชั่นจบก็ฉายไฟฟอลโลว์ไปที่บ่าวสาว และให้เดินขึ้นเวทีโดยไม่ต้องเปิดเพลงมันจะเยอะเกินไป คุณมีเพลงในพรีเซ็นเทชั่นแล้วก็ควรจะทิ้งช่วงไว้สำหรับเพลงตัดเค้ก ซึ่งจะต้องเป็นเพลงที่เด่นที่สุด ถ้าคุณใช้เพลงตอนเดินเพิ่มเข้าไปอีก

สำหรับงานที่ไม่ได้มีพรีเซ็นเทชั่น แนะนำให้พิธีกรใช้วิธีการเดียวกัน แต่อาจเปลี่ยนเป็นหรี่ไฟลงมืดสนิท ฟอลโลว์ไฟไปที่บ่าวสาวให้เดินขึ้นเวที โดยใช้เพลงหนึ่งเพลงสำหรับวอล์คอิน วิธีนี้จะไม่ทำให้พิธีกรเดินตามไปพร้อมกับประโยคที่ว่า “ขอเสียงปรบมือให้กับคู่บ่าวสาว ด้วยครับ/ค่ะ” เช่นเดียวกัน เมื่อบ่าวสาวเดินขึ้นเวทีและพิธีกรเดินตามขึ้นมาด้วยประโยคที่ว่า “ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้กับคู่บ่าวสาวด้วยครับ/ค่ะ “ จุดที่จะยืนบนเวทีของคู่บ่าวสาวคือตรงกลางอย่างที่บอกไปตอนที่แล้ว ตรงนี้บ่าวสาวหลายคนจะเบลอหรืองง เพราะว่าตื่นเต้นหรือเดินมาไกลก็แล้วแต่ พิธีกร (หวังว่าจะไม่ตื่นเต้นตามไปด้วย) ต้องช่วยดูให้เรียบร้อย จากนั้นพิธีกรก็เริ่มดำเนินพิธีการต่อดังนี้

- กล่าวต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน

- กล่าวเชิญผู้ใหญ่ที่จะขึ้นมาอวยพรบ่าวสาวรวมถึงกล่าวขอบคุณเมื่อท่านอวยพรเสร็จแล้ว

- กล่าวเชิญคู่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขก

- สัมภาษณ์ (ถ้ามี)

- กล่าวเชิญบ่าวสาวตัดเค้ก กล่าวต้อนรับแขก “ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมในงานเลี้ยงฉลองสมรสของคุณ........................... เจ้าบ่าวและเจ้าสาวในวันนี้”

กล่าวเชิญผู้ใหญ่ “ขอกราบเรียนเชิญ .......................................บนเวทีเพื่อ (คล้องมาลัยถ้ามี) กล่าวอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาวในวันนี้ ขอกราบเรียนเชิญครับ/ค่ะ”

เมื่อผู้ใหญ่ท่านดังกล่าวเดินลงจากเวทีพิธีกรกล่าวขอบคุณ “ขอขอบคุณ............................................ มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ/ค่ะ” หากมีผู้ใหญ่ที่จะขึ้นมากล่าวอีกก็ทำซ้ำเหมือนเดิม ผู้ใหญ่ที่จะขึ้นกล่าวบนเวทีที่แจ๋วที่สุดเลยคือ 1 คนเท่านั้น ถ้าจำเป็นก็ 2 คนอย่างสูง อย่าให้มากกว่านี้ ลองนึกภาพพิธีกรพูดอย่างนี้ “ลำดับต่อไปขอกราบเรียนเชิญ ลำดับต่อไปขอกราบเรียนเชิญ ลำดับต่อไปขอกราบเรียนเชิญ ๆๆๆ “ ถ้าแบบนี้งานกร่อยแน่ เพราะเท่าที่เคยเห็นคืออย่างแรก แขกจะเริ่มคุยกันดังขึ้นๆ(ซึ่งแขกเองก็ไม่ควรเสียมารยาทตรงนี้) แขกหลายๆท่านถือโอกาสเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งจะเกิดภาพที่ไม่ดีสำหรับในงาน แขกบางท่านไปห้องน้ำแล้วไปเลยครับ การที่แขกเริ่มคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆนั้น มีผลต่อเนื่องมาถึงตอนที่บ่าวสาวจะพูดครับซึ่งอยู่ในช่วงถัดไป กล่าวเชิญบ่าวสาวขอบคุณแขก “ จากนี้ไปขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกที่มาในงานครับ/ค่ะ” หลายๆงานชอบสัมภาษณ์บ่าวสาวเลย ซึ่งไม่เหมาะอย่างยิ่ง เราจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ที่ขึ้นมาอวยพรก่อน จากนั้นค่อยขอบคุณแขกอื่นๆรวมถึงขอบคุณใครก็ตามที่เราอยากขอบคุณ เช่น คุณพ่อคุณแม่อย่างที่ชอบทำ แล้วจึงสัมภาษณ์บ่าวสาว ใครจะพูดก่อนหรือหลังได้ตามใจ สัมภาษณ์ ช่วงนี้หากพิธีกรจะขยับเข้ามาใกล้บ่าวสาวมากขึ้นก็ได้เพื่อความผ่อนคลาย แต่อย่าสัมภาษณ์นานเกินจนน่าเบื่อ ตัดเค้ก ประโยคง่ายๆเช่น “บัดนี้ก็ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว ขอเชิญบ่าวสาวทำพิธีตัดเค้กฉลองสมรสครับ/ค่ะ” เป็นอันใช้ได้ ช่วงนี้บ่าวสาวควรรอให้เพลงตัดเค้กที่เราเลือกใช้เริ่มขึ้นมาก่อนแล้วจึงเริ่มเดิน จากนี้พิธีกรก็ถอยตัวลงมาจากเวทีได้เลย ไม่ต้องมีประโยคร่ำลาใดๆ กระบวนการทั้งหมดจากนี้ขอให้บ่าวสาวทำทุกอย่างช้าลงจากปกติครึ่งจังหวะ เมื่อตัดเค้กแล้วบ่าวสาวก็น่าจะกินเค้กชิ้นแรกบนเวทีเค้กนั้น ผลัดกันป้อนคนละคำก็น่ารักดีครับ หรือจะไม่ทำก็ได้ ขั้นตอนต่อไปคือการนำเค้กไปให้ผู้ใหญ่ที่ขึ้นเวทีมาพูดตามลำดับ แล้วจึงนำไปให้คุณพ่อคุณแม่ ฝ่ายใดก่อนก็ได้ ส่วนจะนำไปให้ญาติผู้ใหญ่ท่านใดในงานอีกบ้างก็ตามอัธยาศัย อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่นิตยาสาร WE คอลัมน์ Ask the Expert เดือนพฤศจิกายน 51 ขอขอบคุณ ข้อมูล :เอกวัฒน์ อมรพงศ์พิสุทธิ์